Metaverse คืออะไร?

 

Metaverse ไม่ใช่เป็นศัพท์ใหม่ เพราะได้มีการถูกพูดถึงในนิยายทางวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ที่ชัดที่สุดคือ นิยายเรื่อง Snow Crash ของนีล สตีเฟนสัน (Neal Stephenson) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1992 หรือแม้แต่ในภาพยนต์ชื่อดังอย่าง The Metrix หรีอ Ready Player One ที่กล่าวถึงว่ามีอีกโลกเสมือนจริงที่อยู่ขนานกับโลกแห่งความจริงได้ 

 

ดังนั้น Metaverse จึงสามารถอธิบายง่ายๆ ว่า เป็นโลกเสมือนจริงทางดิจิทัลที่คนสามารถเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กัน คนสามารถมีอีกหนึ่งตัวตนทางดิจิทัล ที่สามารถเข้าไปเล่น เข้าไปสื่อสารสร้างสังคม หรือแม้แต่เข้าไปทำงานในโลกดิจิทัลนี้ได้ เป็นโลกแห่งจินตนาการที่คนสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่แตกต่างจากความเป็นจริง เป็นโลกจริงและโลกเสมือนที่ผสานกัน ทุกคนจะใช้ชีวิตอยู่ในทั้งสองโลกและมีความสำคัญพอๆ กัน

 

Internet 3.0 : Metaverse

 

การพัฒนาของอินเทอร์เน็ตได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง หลายคนบอกว่า ในยุคแรกเป็นยุคของ Internet 1.0 ที่เป็นโลกอินเทอร์เน็ตบน Desktop เน้นการ share information ยุคที่ 2 คือโลกอินเทอร์เน็ตบนมือถือเป็นสังคม Social Media  และปัจจุบันเรากำลังเริ่มเดินเข้าสู่ อินเทอร์เน็ตยุคที่ 3 ที่เป็นโลกแห่ง Metaverse ซึ่งถือเป็นการบรรจบของเทคโนโลยีอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น 

 

 

- Internet of Things / 5G กับความเร็วของ Internet ที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้โลกเสมือนนี้เป็นจริงได้ 

- VR (Virtual Reality), AR (Augmented Reality), กับการเข้าถึงโลกใหม่แบบ 3 มิติ

- Crypto Currency / NFT, กับการใช้จ่าย ซื้อสินค้าที่เป็น NFT แบบ online ได้อย่างโปร่งใส มั่นใจ โดยไม่ต้องมึคนกลาง

 

ลองนึกภาพตามนะครับ จากปัจจุบันที่เราใช้เวลาในโลกออนไลน์กันอย่างมากมายตั้งแต่ตื่นนอนมา โดยเฉพาะในช่วงโควิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นตื่นเช้ามาเช็คข่าวจาก Twitter เข้าไปคุยกับเพื่อนๆ ใน Line ทำงานผ่าน Zoom แวะเข้าไปเช็คข่าวเพื่อนๆ ใน Facebook สั่งอาหารจาก Lineman หรือ Grab ใช้จ่ายผ่าน Mobile Banking หรือ Digital Wallet  สุดท้ายมาดูหนังฟังเพลงก่อนนอนกับ Spotify และ Netflix หรือ Disney+

 

แต่สำหรับ Metaverse จะเป็นมากกว่านั้นเราสามารถเข้าสู่โลกเสมือนที่รวมทุกสิ่งอย่างเข้าไว้ด้วยกัน เป็นที่ที่เราจะสามารถจะเป็นคนแบบไหนก็ได้ผ่านเทคโนโลยี Virtual Reality หรือแว่นสามมิติ เข้าไปคุย ไปเจอกับคนที่บางครั้งเราก็ไม่อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวจริงเค้าเป็นใครเข้าไปทำงานใน Virtual Office ได้รับเงินและใช้จ่ายเงินเป็นคริปโทเคอร์เรนซีและ NFT สามารถไปท่องเที่ยวทั่วโลกได้แบบ 3 มิติ ดูหนังจอยักษ์และฟังเพลงได้ในบรรยากาศที่ต้องการ อยากซื้อของก็สามารถเข้าไปใน Virtual Store ที่สามารถเลือกสินค้าได้จากทั่วโลกและเห็นเหมือนเป็นของจริงและลองใช้ได้ก่อนสั่งซื้อ เมื่อกดจ่ายด้วยคริปโทเคอร์เรนซีในกระเป๋าเงินอิเลคโทรนิคส์ สินค้านั้นก็จะส่งถึงบ้านในเวลาอันรวดเร็ว อยากทำธุรกรรมทางการเงิน โอน ฝาก ถอน หรือแม้แต่กู้เงินก็สามารถทำได้ทันที

 

ความสำคัญก็คือเทคโนโลยีจะสามารถเชื่อมโลกเสมือนกับโลกแห่งความจริงได้แบบไร้รอยต่อ ทำให้โลกเสมือนในจินตนาการสามารถเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ

 

Metaverse กับปัจจุบัน

 

จากที่กล่าวมาด้านบนจริงๆ แล้วเหมือนพวกเราทุกคนก็เริ่มเข้าสู่ Metaverse หรือโลกเสมือนกันอยู่แล้วในต่างๆ รูปแบบกัน หลายคนมีตัวตนในโลกออนไลน์หรือ Avatar ที่แตกต่างจากตัวตนจริงๆ มีเพื่อนสนิทจริงๆ ไม่กี่คน แต่มีเพื่อนหลายร้อยคนในโลกเสมือน หลายคนทำเงินและหารายได้ในโลกออนไลน์กันแบบ 100% 

 

ในบทความหนึ่งของ The New York Times ได้พูดถึง Metaverse ไว้ว่า ในปัจจุบันจริงๆ แล้ว Gamers ทั้งหลายก็ได้เข้าสู่โลกของ Metaverse แล้วอย่างเต็มต้ว เพราะเกมส์ในปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จ เช่น Roblox, Fortnite หรือ Animal Crossing หรือ Anxie Infinity ที่เป็นการผสมผสานเกมส์กับ NFT เหล่านี้ก็เป็นเกมส์ที่คนหลายล้านคนจากทั่วโลกสามารถเข้าไปเล่น หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์และขายของทำเงินได้ เป็นโลกเสมือนที่หลายคนทำเงินเลี้ยงชีพได้จริงๆ

 

ศิลปินหลายคนเริ่มทำเงินอย่างจริงจังกับการขาย NFT สร้าง Virtual Gallery ให้ผู้ที่ต้องการซื้องานศิลปะ เข้ามาซื้อขายงานกันอย่างจริงจัง และมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีตลาดซื้อขายงานศิลปะแบบ NFT ขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Foundation, Opensea, Rarible

 

นักการเงินและธนาคารทั้งหลายก็เริ่มเข้าสู่โลกของคริปโทเคอร์เรนซีและสร้างสรรค์สินค้าทางการเงินแบบ Decentralized Finance กันอย่างจริงจัง เป็นเงินเสมือนที่สามารถทำรายได้และเติบโตอย่างสูงมากเช่นกันในปีที่ผ่านมา

 

หรือบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ อย่าง Facebook, Google, Tencent หรือ Microsoft ก็เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีด้าน Virtual Reality มาแล้วหลายๆ ปี มีสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเรื่อยๆ ดังนั้น ดูเหมือนว่าในทุกๆ ธุรกิจแทบจะมี Direction เดียวกัน คือ การเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน สร้างโลกเสมือนและ Ecosystem หรือระบบนิเวศต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลก Metaverse กันอย่างจริงจังกันทุกคน

 

โอกาสหรือวิกฤต?

 

ถึงแม้วันนี้ Metaverse ยังไกลตัวใครหลายๆ คน และคงยังเป็นอีกหลายปีที่ Metaverse แบบเต็มรูปแบบจะเกิดขึ้นจริงๆ ได้ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องเหล่านี้ได้เริ่มเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของเราทุกคนแล้วโดยไม่รู้ตัว เหมือนเมื่อสิบปีที่แล้วคงไม่มีใครคิดว่ามือถือจะสามารถทำธุรกรรมได้มากมายเช่นปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่การระบาดของโควิดเข้ามาสู่โลกซึ่งหมือนเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้น อยากให้พวกเราทุกคนเริ่มหันกลับมามองตัวเราเอง และธุรกิจที่เราอยู่ ทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงลูกใหญ่ลูกนี้กันอย่างจริงจัง อาจจะเป็นโอกาสใหม่สำคัญๆ ให้กับบางธุรกิจ และก็อาจจะเป็นวิกฤตอย่างแรงสำหรับบางธุรกิจเช่นกันถ้าไม่สามารถปรับตัวได้ทัน

 

เพราะบอกตรงๆ ว่าไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ตาม Metaverse มาแน่

สร้างห้องเรียนออนไลน์ในโลกใบใหม่ด้วย Metaverse spatial

ความแตกต่างระหว่าง VR AR MR